0

มหากาพย์แห่งการผจญภัยและ.ภาพยนตร์ การ์ตูนสุดวิจิตรที่จับหัวใจผู้ชมทั่วโลก จนกลายเป็นหนึ่งในภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องเยี่ยมที่สุดของทุกยุคทุกสมัย ด้วยภาพอันงดงามและ.เพลง ที่ได้รับรางวัลออสการ์ ส่งให้เรื่องราวอันเป็นที่รักนี้มีชีวิตชีวาขึ้นมาอย่างที่คุณไม่เคยสัมผัส มาก่อนและ.ทีมพากย์โดยนัก แสดงฮอลลีวู้ด ซึ่งมาร่วมกันมากที่สุดมากกว่าภาพยนตร์เรื่องใดๆเเรื่องราวของสองพี่น้อง หนึ่งคือเเชื้อกษัตริย์ อีกหนึ่งคือเเด็ก กำพร้าผู้มีความลับในอดีต ทั้งคู่โตมาดุจเพื่อนแท้ แม้จะแข่งขันกันตามประสาพี่น้องที่รักใคร่ แต่แล้วความจริงได้แยกทั้งสองให้กลายเป็นศัตรู คนหนึ่งคือเราชา ผู้ครองจักรวรรดิ์อันเกรียงไกร อีกคนเลือกที่จะปลดแอกให้แก่ประชาชนของเขา ที่สุดการเผชิญหน้าของบุรุษทั้งสองได้เปลี่ยนชีวิตของพวกเขารวมทั้งโลกใบนี้ ไปตลอดกาล หนังอนิเมชั่นเรื่องเยี่ยมที่บอกเล่าถึงตำนานความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า



--------------------------------------------------------------------------------------------------------------

นอกนั้นผมขอแนะนำครับ

เดอะพริ้นซ์ออฟอียิปต์



++++++++++++++++++++Soundtrack++++++++++++++++++++++

 





ความรู้ตาม เว็ป


โมเสสคือใครในประวัติศาสตร์


..ผู้ที่ขอพระเจ้าให้แหวกทะเลแดง ให้ชาว ฮีบรูหนีพ้นการไล่ล่าของกองทัพอียิปต์  เหตุการณ์น่าอัศจรรย์ใจเหล่านี้อาจอุบัติขึ้นตามธรรมชาติ แต่ชาวฮีบรูมักตีความให้สัมพันธ์กับพระผู้เป็นเจ้าเสมอ 
โมเสสมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อการสร้างชาติของชนอิสราเอล เพราะได้รับเทวโองการให้เป็นผู้นำประชากรของ พระองค์นับล้านชีวิต (เพศชาย 6 แสนคน) อพยพออกจาก อียิปต์ (EXODUS) หลังจากตั้งรกรากอยู่กินมานานถึง 430 ปี เพื่อไป สร้างบ้านเมืองของตนเองในดินแดนแห่งพันธสัญญา (The Promised Land) หรือคานาอัน ที่ปัจจุบันคือ ประเทศอิสราเอล ปาเลสไตน์ และ เลบานอน ผืนแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ด้วยน้ำนมและน้ำผึ้ง ซึ่งพระเจ้าเตรียมไว้ให้ลูกหลานของพระองค์โดยเฉพาะ นั้นคือภารกินอันใหญ่หลวง เพราะเป็นการเดินทางจากความเป็นทาสสู่ความเป็นไท จากความตายสู่ความมีชีวิตของชาวฮีบรู ซึ่ง ต่อไปจะเป็นคนแปลกหน้าในดินแดนแปลกถิ่นหรือคานาอันนั่นเอง
..... พระคัมภีร์เล่าเรื่องของโมเสสยาวเหยียดจุใจในพระธรรม 4 เล่ม ตั้งแต่แรกเกิดในครอบครัวยิวผู้ยากไร้แห่งนครโกเชน จะกระทั่งสิ้นลมหายใจสุดท้ายเมื่ออายุ 120 ปี ศพฝั่งอยู่ที่ยอดเขาพิสกาห์ในเทือกเขาเนโบตรงข้ามกับนครเจริโค ซึ่งทุกวันนี้ยัง ค้นหาศพของท่านไม่พบ เขาได้รับการยกย่องให้เป็น มหาประกาศ (Prophet ผู้ประกาศ สาสน์ของพระเจ้า เกี่ยวกับเรื่องในอดีต ปัจจุบัน อนาคต) ดังปรากฎในเฉลยพระธรรมบัญญัติ 35 : 10 ว่า "ตั้งแต่วันนั้นมาก็ไม่มีผู้เผยพระวจนะคนใดเกิดขึ้นในอิสราเอล เสมอโมเสส ผู้ซึ่งพระเจ้าทรงรู้จักหน้าต่อหน้า "
.....แต่นับ เป็นเรื่องชวนฉงนอย่างยิ่งครับ.....ในขณะที่ปัจจุบันกลุ่มนักโบราณคดีที่ สนใจขุดค้าเรื่องราวตามพระคัมภีร์โดยเฉพาะ (Biblical Archaeologist ) ต่างยอมรับกันแล้วว่า ไบเบิลเป็นเอกสารทางประวัติศาสตร์ชั้นดี เพราะพบหลักฐานเก่าแก่มากมาย ตางตามนั้น อีกทั้งเรื่องของโมเสสมีรายละเอียดครบถ้วนทุกแง่มุม ยกเว้นเพียงห้วงเวลาเอ็กโซดัส หรือการเอ่ยถึงพระนามฟาโรห์ ทว่า หลักฐานทางฝ่ายอียิปต์กลับไม่เคยเอ่ยชื่อโมเสสเลย แม้จะเชื่อว่า เขาถูกเลี้ยงดูประดุจเจ้าชายไอยคุปต์ก็ตาม จนดูเสมือน หนึ่งว่าเขาไม่น่าจะมีตัวตนจริง ๆ กระมัง
.....โมเสส เป็นใครกันแน่ หรือชาวอียิปต์เรียกเขาด้วยชื่ออื่น เฉกเช่นกรีกเรียกปฐมฟาโรห์นาร์เมอร์ว่า มีนืส เรียกฟาโรห์คูฟู ผู้ สร้างมหาปีระมิดว่า คีออปส์ หรือเรียกฟาโรห์เมนคาเร ผู้สร้างปีระมิดองค์ที่ ว่า ไมซีรีนุส ซึ่งเสียงเพี้ยนไปจากเดิมมาก จนไม่บอก จะเดาไม่ถูกเด็ดขาด แรกเริ่มเดินที ชาวไอยคุปต์เรียกคนชาติอื่นผู้ไม่มีอาณาจักรเป็นของตนเองต้องมาพึ่งใบบุญ อียิปต์ รวมถึง ทาสและเฉลยศึกที่ไม่มีทรัพย์สินเงินทองว่า อะปิรู (APIRU) คำคำนี้บางแห่งคัดลอกผิดเป็น HAPIRU หรือ HABIRU จนในที่ สุดเพี้ยนมาเป็นคำว่า ฮีบรู (HEBREW) ซึ่งต่างกับคำว่ายิว (JEW) มาจาก YEHUDI ภาษาฮีบรูแท้ ๆ หมายถึงคนของตระกูล จูดาห์ (โรมัน เรียก จูเดีย สถานที่ตั้งกรุงเยรูซาเล็ม) ชื่อบุตรชาย 1 ใน 12 คนของยาโคบ(อิสราเอล) ที่กลายเป็นอีกอาณาจักรแยก ออกจากอิสราเอลเมื่อกษัตริย์โซโลมอนสิ้นพระชนม์ไปแล้ว เรื่องของชนชาวฮีบรูมีปรากฎหลักฐานทางฝ่ายอียิปต์เพียงแห่งเดียว ที่เดียวและบรรทัดเดียวในบทโศลกบนแผ่นศิลาจารึกชื่อ ISRAEL STELA (ขุดพบปี 1895 ที่เมืองลักซอร์) ของฟาโรห์ เมเรนปทาห์ (ปี 1224 - 1214 ก่อนคริสตศักราช) ว่า ISRAEL IS LAID WASTE, HIS SEED IS NOT ซึ่งไม่สามารถสื่อ ถึงอะไรได้ นอกจากชาวอิสราเอลเคยอาศัยอยู่ในอียิปต์จริง ส่วนพระคัมภีร์เล่าว่าชาวฮีบรู เดิมเร่ร่อนอยู่ในปาเลสไตน์ แล้วอพยพ หนีความแห้งแล้วอดอยากไปตั้งรกรากใหม่ทางดินดอนสามเหลียมปากแม่น้ำไนล์ฟาก ตะวันออกชื่อว่าแผ่นดินโกเชน เมื่ออยู่ติดต่อ กันนานหลายชั่วอายุคนก็ออกลูกแตกหลานเต็มบ้านล้นเมื่อง จนฟาโรห์เกรงจะเป็นภัยต่อความมั่นคง หากไม่สามารถจำกัดจำนวน อย่างใกล้ชิด ชาวฮีบรูจึงถูกลดสถานะลงเป็นทาสเรียกว่า อะบิรู ทำหน้าที่ผลิดก้อนอิฐผสมฟางแห้ง แต่จำนวนทาสหาได้ลดน้อยลง ไม่ ฟาโรห์จึงมีราชองการให้กำจัดทารกฮิบรูเพศชายที่เกิดใหม่ทุกคนด้วยการโยนลง แม่น้ำไนล์เป็นอาหารของจระเข้และ ฮิปโปโปเตมัส มหาประกาศเกิดในช่วงนี้เองตรงกับปี 1527 ก่อน ค.ศ. แม่ของเขาแอบฟูมฟักจนอายุ 3 เดือนก็จำใจต้องเอา ทารกน้อยใส่ตระกร้าลอยน้ำไปตายเอาดาบหน้า ความที่เป็นเด็กบุญญาธิการสูง ธิดาฟาโรห์จึงเป็นผู้พบตระกร้าและนำเด็กไปเลี้ยง ดูในวังตั้งชื่อให้ว่า โมเสส พระคัมภีร์ระบุว่าเป็นภาษาฮีบรูหมายถึง "ฉุดขึ้นมา " เพราะพระนางฉุดเขาขึ้นจากตระกร้าในน้ำ...แต่ เป็นได้หรือที่เจ้าหญิงไอยคุปต์ตั้งชื่อบุตรบุญธรรมของตนด้วยภาษาฮีบรูจากคำ ว่า MOSHE (MSHA แปลว่า "ฉุด" และ MOSHUI แปลว่า "ผู้ถูกฉุดขึ้นมา") ดังนั้นโมเสสน่าจะเป็นภาษาอิยิปต์มากกว่า โดย MOSE หมายถึง "ลูกชาย" ตรงกับภาษากรีกว่า Mosis เหมือนกับชื่อฟาโรห์ Thutmose แปลว่า โอรสแห่งเทพเจ้าธอธ์ นั่นเอง...
.....เนื่องจากพระ คัมภีร์ไม่ได้ระบุห้วงเวลาเอ็กโซดัสเอาไว้ นักไบเบิ้ลวิทยาต้องค้นหาหลักฐานกันเอง แต่ไหนแต่ไรมาสันนิษฐาน ว่าเกิดขึ้นช่วงต้นศตวรรษที่ 13 ก่อนคริสต์กาลตรงรัชสมัยจอมฟาโรห์รามิเซสที่ 2 (ปี 1290-1224 ก่อน ค.ศ.) แม้แต่หนังเรื่อง บัญญัติ 10 ประการที่มีการค้นคว้าข้อมูลอย่างดีเยี่ยมก็ยังเชื่อเช่นนั้น เพราะหลักฐานต่าง ๆ เริ่มปรากฎเมื่อนักวิชาการหนุ่มชาว ฝรั่งเศสชื่อ ฌัง ฟรังซัว ฌองโปลียอง อ่านอักษรภาพเฮียโรกลิฟฟิกออกในปี 1822 และพบพระนามฟาโรห์รามิเซสจารึกอยู่ทั่วไป หมด ทรงสร้างเมืองและมหาวิหารใหญ่โตมโหฬารมากมายหลายแห่งรวมทั้งราชธานีใหม่ชื่อ ไพ รามิเซ (Pi-Ramesse แปลว่า ทรัพย์สินขององค์รามิเซส) นักโบราณคดียุคนั้นตื่นตะลึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์มาก จึงยกย่องให้เป็นมหาราช ต่อมาเมื่อเห็น ข้อความในพระคัมภีร์ว่าฟาโรห์ทรงใช้ทาสชาวฮีบรู สร้างนครไพธอม (PITHOM) และรามเซส (RAAMESE) ก็เลยเหมาว่าคือ ฟาโรห์รามิเซส จนกระทั่ง ดอกเตอร์มันเฟรด เบียแท็ก แห่งมหาวิทยาลัยเวียนนา ผู้มีประสพการ์ณด้านอียิปต์ศาสตร์นานมากกว่า 30 ปีได้ขุดเจอซากนครไพราแมสเซที่เมืองเทล เอลดาบา ห่างจากกรุงไคโรไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ 100 กม.เขาพบหลัก ฐานว่าเป็นนครเดียวกับอวารีส ราชธานีเก่าแก่ตั้งแต่ครั้งฟาโรห์เป็นไท้ต่าวดาวท้าวต่างแดนชาวฮิกซอส (HYKSOS ภาษากรีก แปลว่าเจ้าชายทะเลทราย) ชนเผ่านักรบเร่ร่อนจากซีเรียตอนใต้ซึ่งเคยปกครองไอยคุปต์ตอนเหนืออยู่นาน 155 ปีนับจากปี 1730 ก่อน ค.ศ. เป็นต้นมา ราชธานีแห่งนี้มีมาก่อนฟาโรห์รามิเซสร่วม ๆ 500 ปี พระองค์เป็นเพียงผู้บูรณะใหม่อีกครั้งหนึ่ง...เอ็กโซดัสจึงมีความเป็นไปได้ ที่เกิดก่อนยุครามิเซส เมื่อบวกกับหลักฐานในพระคัมภีร์ ระบุว่าชาวฮีบรูอพยพออกจากอียิปต์เป็นเวลา 480 ปีก่อนกษัตริย์โซโลมอน ทรงสร้างมหาวิหารแห่งแรกที่กรุงเยรูซาแลม ในปี 967 ก่อน ค.ศ. (967 + 480) หรือรัชสมัยของฟาโรห์ดูดิโมส (DUDIMOSE) แห่งราชวงศ์ที่ 13 และหากโมเสสเกิดปี 1527 ก่อน ค.ศ. จริงจะมีอายุ 80 ปี สอดคล้องกับวัยที่ระบุในพระคัมภีร์พอดี ....เหตุผลสนับสนุนอีกข้อหนึ่งคือ ชาวฮีบรูเริ่มอพยพหนี้ภัย แล้งจากปาเลสไตน์สู่แผ่นดินโกเชนของอียิปต์ในรัชสมัยฟาโรห์เซนโวสเร็ตที่ 3 ซึ่งปกครองอียิปต์ระหว่างปี 1878 - 1843 ก่อน ค.ศ. และอยู่ฝังรกรานนานถึง 430 ปี ก่อนจะอพยพตามโมเสสสู่ดินแดนแห่งพันธสัญญา นั่นก็คือช่วงแห่งเอ็กโซดัสอยู่ระหว่าง ปี 1448 - 1413 ก่อน ค.ศ. อีกนั้นแหละ
.....ข้อมูลใหม่ข้างต้น นักไบเบิลวิทยาพยายามหาหลักฐานสนับสนุนว่าเอ็กโซดัสเกิดขึ้นกลางศตวรรษที่ 15 ก่อนคริสต์กาล ก็เพื่อโยงปรากฎการ์ณมหัศจรรย์ทั้งหลายแหล่ ไม่ว่าจะเป็น การแหวกทะเลแดง หรือ ภัยพิบัติ 10 ประการที่โมเสส แสดงอิทธิฤทธิ์ บีบ ฟาโรห์ให้ยอมปล่อยทาสฮีบรูเป็นอิสระ ล้วนเป็นสิ่งอุบัติขึ้นตามธรรมชาติทั้งสิ้น โดยเป็นผลมาจากภูเขาไฟ เทรา ระเบิดครั้งใหญ่ในช่วงนั้น ภูเขาไฟเทราตั้งอยู่ทางซีกตะวันออก ของทะเลเมดิเตอเรเนียน ห่างจากชายฝั่งอียิปต์ 800 กม. ทัขนาดใหญ่กว่าภูเขาไฟกรากะตั้วในหมู่เกาะชวา 6 เท่า เพียงแค่การกะตั้วระเบิด เมื่อปี 1886 เถ้าถ่านก็คลุ้งกระจายลงเรือเดิน สมุทรที่อยู่ไกลถึง 3,000 กม. ส่วนเสียงระเบิดดังสนั่นหวันไหวได้ยินไปถึงทวีปออสเตรเลียตอนเหนือที่อยู่ ห่าง 4,800 กม. ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ระเบิดปรมาณูถล่มเมืองนางาซากิของญี่ปุ่นมีอำนาจทำลายล้างสูงเพียง 20 กิโลตัน แต่แรงระเบิดของภู เขาเทรา มีอานุภาพร้ายแรงขนาด 6 ล้านกิโลตัน มากกว่ากันเท่าไหรก็คำนวณดูเองนะครับ ..แล้วยังงี้จะไม่ให้ส่งผลกระทบถูก อียิปต์ได้ยังไหว !
.....ทุกวันนี้ ใครคือ โมเสส ยังคงเป็นปริศนาดำมืดที่นักไบเบิ้ลวิทยาคิดไม่ออก ขบไม่แตก เพราะขาดหลักฐานสนับสนุนจากแหล่ง อื่นว่า เขาเป็นบุคคลในประวัติศาสตร์ มีตัวตนจริง สิ่งที่ทำได้ก็เพียงแต่สันนิษฐานไปตามข้อมูลใหม่ที่ได้เพิ่มขึ้นในแต่ละ ครั้ง ซึ่งนำไปสู่ข้อสรุปไม่ตรงกันเสียเป็นส่วนมาก เมื่อกว่าครึ่งศตวรรษมาแล้ว ซิกมันด์ ฟรอยด์ นักจิตวิทยาคนสำคัญของโลก ชี้ว่า โมเสสคือผู้อยู่เบื้องหลัง ฟาโรห์อัคเคนาเตน ในการปฏิวัติศาสนาอียิปต์จากการเคารพเทพเจ้าหลายองค์ลงเหลือสุริยเทพอาเตน เพียงองค์เดียว คล้ายกับบัญญัติข้อแรกของชาวฮีบรู "จงอย่ามีพระเจ้าอื่นใดนอกจากเรา" ฟรอยด์วิเคราะห์ว่า ADONAI ซึ่งชาว ฮีบรูใช้เรียกขานพระเจ้าของตนนั้น เมื่อเขียนเป็นภาษาอียิปต์จะตรงกับคำว่า อาเตนนั่นเอง อีกครึ้งศตวรรษต่อมา นักประวัติศาสตร์ ขาวอียิปต์ชื่อ อาเหม็ด ออสมาน นายคนนี้ไม่อ้อมค้อมแบบฟรอยด์ดอกครับ เขาฟันธงไปเลยว่าโมเสส กับ ฟาโรห์อัคเคนาเตนคือคนคนเดียวกัน พร้อมทั้งเหตุผลสนับสนุนมากมาย แต่นักไบเบิ้ลวิทยากลับเชื่อหลักฐานในรัชสมัยฟาโรห์ อเมนโฮเท็ปที่ 3 ว่า พระองค์ทรงมีรัชทายาท 2 พระองค์ อัคเคนาเตนคือโอรสแท้ดังปรากฏบนเหยือกสุราประจำพระองค์ จารึกไว้ ว่า "โอรสองค์จริงแห่งฟาโรห์" และได้ขึ้นครองราชย์ต่อมา ส่วนอีกองค์หนึ่งคือเจ้าชายหนุ่มโมซิส (คนละองค์กับฟาโรห์พระนามนี้) เรื่องราวของเขาหายขาดตอนไปก่อนอัคเคนาเตนขึ้นเป็นฟาโรห์ไม่นาน ทิ้งสุสานที่สร้างเตรียมไว้ในบริเวญหุบผากษัตริย์ให้ร้าว ว่างเปล่าปราศจากมัมมี่ของพระองค์ ถ้าหากเจ้าชายองค์นี้เลิกนับถือเทพเจ้าอียิปต์และตัดชื่อ THUT (เทพเจ้าธอธ์) ออก เขาก็ จะชื่อโมซิสหรือ โมเสส...
..... การค้นหาเรื่องราวเกี่ยวกับมหาประกาศผู้นี้จึงไม่ต่างกับหนังชุดทางโทรทัศน์ ซึ่งตอนใหม่มักจะสนุกกว่าตื่นเต้นกว่าตอนทีผ่าน ๆ มาเสมอ ยิ่งขุดค้นก็ยิ่งเจอหลักฐานเพิ่มขึ้นตลอดเวลา....สักวันหนึ่งข้างหน้าปริศนา ที่ว่า ใครคือโมเสสคงได้คำตอบที่ชัดเจนกว่า นี้อย่างแน่นอนครับ.

แสดงความคิดเห็น

 
Top