เกิด | 28 กรกฎาคม ค.ศ. 1954 |
---|
เสียชีวิต | 5 มีนาคม ค.ศ. 2013 (58 ปี) |
---|
ประธานาธิบดีเวเนซุเอลาคนที่ 52
'ถ้าคุณพยายามที่จะหานิยามว่า Hugo Chavez เป็นใคร หรือพยายามวิเคราะห์โดยหลักวิเคราะห์แบบเดิมๆ คุณก็จะไม่พบอะไรเลยนอกจากความสับสน และถ้าคุณพยายามที่จะสรุปว่า ผมนั้นเป็นฝ่ายซ้ายหรือฝ่ายขวา เป็นคอมมิวนิสต์หรือเป็นนายทุน ผมไม่ได้เป็นอะไรอย่างที่พวกคุณพยายามที่จะหานิยามจากตัวผม แต่ถ้าจะพูดไปแล้ว ตัวของผม ก็คือองค์ประกอบจากส่วนต่างๆที่พวกคุณได้ให้นิยามผมมารวมกันทั้งหมดต่างหาก' นาย Hugo Chavez ประธานาธิบดีของ Venezuelaเคยกล่าวกับกลุ่มนักข่าวกลุ่มหนึ่ง และต่อมาที่เขาได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าว เขาก็ได้กล่าวว่า 'ผมปฎิเสธอย่างชัดเจน และจะปฎิเสธจนถึงวันที่ผมได้ไปนอนในหลุมฝังศพ ว่าตัวของผมนั้นไม่ได้มียี่ห้อเฉพาะเจาะจงว่าผมเป็นนักประชาธิปไตยหรือเผด็จการ ผมไม่สามารถที่จะยอมรับว่า การเมืองหรืออุดมการณ์เป็นเรื่องเข้าสมการได้อย่างวิชาเรขาคณิต สำหรับผมแล้ว ซ้ายหรือขวาเป็นเรื่องของสัมพัทธ์มากกว่า...'
ช่วงนี้ คนVenuzuela จำนวนล้าน ได้สวดภาวนาขอให้เขาได้หายจากโรคมะเร็ง ที่เขาได้ผ่านการผ่าตัดไปแล้วถึงสี่ครั้ง โดยล่าสุดนาย Chavez เกิดอาการปอดติดเชื้อหลังจากการผ่าตัด และเขาก็ไม่สามารถที่จะเข้าสาบานตนเป็นประธานาธิบดีแบบตัวเป็นๆได้ เพราะร่างกายของเขาอ่อนแออยู่มาก ความซับซ้อนของอาการป่วยหลังจากการผ่าตัด ถูกมองจากประชาชนด้วยความห่วงใยเป็นอย่างยิ่ง ว่าเขาจะสามารถลุกขึ้นมาเป็นผู้นำอย่างเต็มตัวได้หรือไม่
ในความเป็นจริงของชีวิต Chavez ก็เป็นบุคคลที่มีความซับซ้อนหรือขัดแย้งกับตัวเองพอสมควร เพราะในตอนที่เขาเป็นเด็ก เขานิยมกีฬาเบสบอลมาก และเคยฝันที่จะเป็นนักกีฬาเบสบอลที่จะไปเล่นให้กับทีมชั้นนำในสหรัฐอเมริกา ตัวเขาเองก็เป็นนักเขียนการ์ตูนที่มีฝีมือใช้ได้อีกด้วย แต่ในทำนองเดียวกัน เขาก็มีเพื่อนสนิทสองคน ที่ให้ความสนใจต่อลัทธิ Marxist เป็นอย่างมาก ถึงขนาดเพื่อนของเขาเอาชื่อเลนิน และเพื่อนอีกคนเอาชื่อเอนเจิลมาใช้เป็นชื่อของพวกตน โดยพ่อของเพื่อนสนิททั้งสองของเขานี้ ประกาศตนเองว่าเป็นคอมมิวนิสต์ โดยให้ความสนใจต่อหลักคิดของ Karl Marx และสนใจต่อนักต่อสู้ชาวลาตินอเมริกัน อย่างนาย Simon Bolivar ที่อุทิศตนแก่ลัทธิสังคมนิยมและพร้อมที่จะทำการปฎิวัติให้กับประเทศลาติน ให้หลุดพ้นจากจักรวรรดินิยมสหรัฐอเมริกา
ความคิดทางด้านสังคมนิยม ลัทธิคอมมิวนิสต์ ได้มีผลต่อจิตใจของ Chavezเป็นอย่างมาก และในตอนที่เขาเป็นเด็กหนุ่ม เขาก็มักจะถือหนังสือชื่อ The Diary of Che Guevara(ไดอารี่ประจำวันของเช กูวาร่า) และอ่านเรื่อยมาจนกระทั่งเขาสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร และตัว Chavez เอง ก็ได้เขียนไดอารี่ให้กับตนเองเช่นกัน โดยตอนหนึ่งเขาได้เขียนว่า 'สักวันหนึ่ง ผมจะมีหน้าที่รับผิดชอบต่อประเทศของผมทั้งประเทศ...' ความคิดของนายทหารหนุ่มผู้นี้ ก็ไม่ได้ต่างจากนายทหารหนุ่มของชาติอื่นอย่างนายทหารหนุ่มที่ชื่อ Ghaddaffi จากลิเบีย หรือ Juan Velasco Alvarado จากเปรู ที่บุคคลเหล่านี้ เคยใช้ชีวิตเป็นนายทหารที่ต่อมาสามารถยึดครองประเทศของตนจนกลายเป็นผู้นำได้
ความซับซ้อนของการใช้ชีวิตของ Chavez มีให้เห็นอย่างชัดเจนเมื่อตอนที่เขาอายุ 23 ปี โดยตอนนั้นเขาเป็นนายทหารหนุ่ม ที่เคร่งครัดต่อระเบียบวินัยมาก จัดว่าเป็นนายทหารที่มีคุณภาพมาก แต่เมื่อหมดหน้าที่ในตอนกลางวันของการเป็นนายทหารแล้ว ในตอนกลางคืน Chavez กลับไปมีประชุมลับกับกลุ่มนายทหารหนุ่มด้วยกัน ที่มีความคิดแบบซ้าย โดยการประชุมลับในตอนกลางคืนนั้น มีความตั้งใจที่จะล้มอำนาจการปกครองที่เป็นอยู่ เพื่อนำอำนาจของรัฐมาสู่พวกตน โดย Chavez ได้จัดตั้งกลุ่มเคลื่อนไหวอย่างลับๆ ที่เรียกว่า 'the Bolivarian Revolutionary Army'
ในปี 1992 the Bolivarian Revolutionary Army' พยายามที่จะทำรัฐประหาร เพื่อโค่นล้มอำนาจของประธานาธิบดี Carlos Andres Perez แต่ไม่สำเร็จ จึงทำให้ Chavez ต้องไปนอนในคุกสองปี โดยเขาใช้เวลาสองปีที่อยู่ในคุกอ่านหนังสือ เขียนงานของเขา รวมถึงสร้างจินตนาการให้กับตัวเขาว่า ถ้าเขาสามารถยึดครองอำนาจมาเป็นของเขาได้สักวันหนึ่งนั้น เขาต้องการจะบริหารบ้านเมืองอย่างไร และเชื่อมั่นว่า สักวันหนึ่งเขาจะต้องเป็นวีรบุรุษต่อชาติอย่างแน่นอน
และในปี 1992 เช่นกัน ก็ได้มีความพยายามทำรัฐประหารอีกครั้งจากกลุ่มทหารอื่น แต่ก็ไม่สำเร็จ อย่างไรก็ตาม มันได้สะท้อนว่า การบริหารงานของรัฐบาลของนาย Perez นั้น ไม่ได้รับความพอใจจากกลุ่มทหาร และจากประชาชนส่วนใหญ่ ในที่สุด นาย Perez ก็ต้องออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี โดยถูกกล่าวหาจากฝ่ายค้านในเรื่องคอรัปชั่น ในปี 1994 ประธานาธิบดีที่ต่อจากนาย Perez คือนาย Rafael Caldera ก็ได้สั่งปล่อยนาย Chavez ออกจากที่คุมขัง ว่ากันว่าสาเหตที่นาย Caldera สั่งปล่อยนาย Chavez นั้น มาจากเหตุผลที่ว่าบิดาของนาย Chavez นั้น เคยเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองที่นาย Caldera เคยเป็นสมาชิกพรรค และสิ่งที่น่าสนใจคือ นาย Caldera ก็ไม่ได้สั่งห้ามไม่ให้นาย Chavez เล่นการเมือง ที่โดยปรกติแล้วรัฐบาลของ Venezuela เมื่อได้ทำการอภัยโทษแก่กบฏแล้วนั้น จะสั่งห้ามไม่ให้อดีตนักโทษทางการเมืองที่ได้รับการอภัยโทษ เข้ามายุ่งเกี่ยวกับกิจการทางการเมืองต่อไปได้อีก
และช่วงนี้เอง ที่ Chavez ได้สะสมกำลังภายในรอบใหม่ เพื่อสร้างความนิยมชมชอบแก่ประชาชน โดยช่วงนั้น เขามองว่า อำนาจรัฐน่าจะมาจากกล่องลงคะแนะเลือกตั้งมากกว่ากระบอกปืน การสะสมกำลังภายในของเขา นอกจากการโจมตีรัฐบาลอย่างต่อเนื่องในเรื่องคอรัปชั่นแล้ว คือการเดินทางไปยังประเทศต่างๆ โดยเฉพาะประเทศคิวบา เพื่อเข้าพบกับอดีตผู้นำคิวบาคือนาย Fidel Castro ที่นาย Chavez ให้ความชื่นชมและมองว่าเป็นนักอุดมการณ์ และเป็นปรมาจารย์ทางด้านการจัดการบริหารบ้านเมืองที่เขายกย่องมาก และถือเป็นต้นแบบในการบริหารจัดการบ้านเมืองให้กับเขา
ในปี 1998 หรือสี่ปีหลังจากที่ Chavez ได้รับการปล่อยตัวจากคุก เขาได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดีแห่ง Venezuela แวดวงทางการเมืองของประเทศ Venezuela ในตอนนั้น ไม่มีใครเชื่อเลยว่า พันโท Hugo Chavez ที่ตอนนั้ยอายุ 42 ปี ได้รับเลือกให้เป็นผู้นำของประเทศได้ ตามที่ Chavez ได้เคยฝันไว้
นักวิเคราะห์หลายคน มองว่า แม้ว่า Chavez จะเชื่อว่าอำนาจรัฐนั้นมาจากกล่องลงคะแนนเสียง มากกว่าอำนาจกระบอกปืน แต่ความจริงแล้ว สาเหตที่ Chavez ได้กล่าวขึ้นสู่การเป็นประธานาธิบดีของ Venezuela น่าจะมาจากคำว่า 'อำนาจรัฐเกิดจากบ่อน้ำมันมากกว่า' เพราะว่าในระหว่างปี 1997-98 โลกเกิดวิกฤติทางเศรษฐกิจหรือที่เรียกกันว่า 'วิกฤติต้มยำกุ้ง' ที่เริ่มจากประเทศไทยก่อน แล้ววิกฤติทางเศราฐกิจดังกล่าวได้แพร่สะพัดมีผลกระทบไปทั่วโลก ทำให้ราคาน้ำมันในตอนนั้นตกต่ำลงอย่างมาก ประเทศที่มีบ่อน้ำมันมากมายอย่าง Venezuela ได้พบว่าราคาน้ำมัน ได้ตกลงไปอยู่ที่ 10 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งทำให้ชาติที่ต้องพึ่งการเป็นอยู่จากน้ำมัน(petro-state) อย่าง Venezuela ได้รับผลกระทบในทางเศรษฐกิจอย่างหนัก มีผลต่อระบบเศรษฐกิจและต่อสังคมอย่างรุนแรง ทำให้ประชาชนต้องการผู้นำคนใหม่
ข้อเสนอของ Chavez คือ ลดปริมาณการผลิตน้ำมันลง เพื่อให้ราคาน้ำมันสามารถปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งในที่สุดราคาของน้ำมันก็เริ่มปรับตัวสูงขึ้นต่อมา แต่โดยความจริงแล้ว ไม่กี่เดือนก่อนที่เขาได้รับการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี ทาง Venezuela ก็ได้ทำการลดปริมาณการผลิตน้ำมันไปแล้ว โดยการลดจำนวนการผลิตน้ำมันลง ได้กระทำขึ้นแล้วที่ประเทศซาอุดิอารเบียในปี 1998
ถือว่าการก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีแห่ง Venezuela ของนาย Hugo Chavez ที่ราคาน้ำมันได้ถูกปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และได้สร้างอานิสงส์ต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นจังหวะที่เหมาะสมที่สุดของนาย Chavez ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ถ้า Venezuela ไม่ได้เจอปัญหาทางด้านราคาน้ำมันตกต่ำในระหว่างปี 1997-98 แล้ว นาย Hugo Chavez จะสามารถก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีของ Venezuela และดำรงตำแหน่งดังกล่าว และได้รับความนิยมจากประชาชนอย่างต่อเนื่องได้หรือไม่
เรียบเรียงจากบางส่วนของหนังสือ The Quest :Energy, Security, and the Remaking of the Modern Worldโดย Daniel Yergin
ขอขอบคุณ คุณเล็ก จาก Asia Book
https://www.facebook.com/notes/%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%A2%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%B4/hugo-chavez-%E0%B8%AD%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90-%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%9A%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99/491804020871964
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AD%E0%B8%B9%E0%B9%82%E0%B8%81_%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%8B
แสดงความคิดเห็น